โดย...อาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อ.แอน)           

ในคำโคลงนี้หมายความว่า ในดวงชาตาหากมีดาวเสาร์เล็งลัคน์  หรือมีดาวราหู  อังคารอยู่ในราศีที่ ๘ จากลัคน์ หรือจันทร์เป็น ๑๑ แก่ราหูอย่างใดอย่างหนึ่ง หมายความว่าดวงชาตาค่อนข้างจะอาภัพ อาจจะมีเรื่องราวหรือดวงแตก ในดวงชาตาเดิม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 

หากมีดาว ๗  เล็งลัคน์ หรือนับไปจากลัคนาเป็นภพที่ ๗ ซึ่งหมายถึงภพคู่ครอง หุ้นส่วน คู่สัญญา คนใกล้ชิดคู่ใจ ชีวิตมักมีอุปสรรค มีเรื่องทุกข์ใจ หม่นหมอง ยิ้มไม่ออก หรือไม่ก็ต้องพลัดพราก ปรกติ ดาว ๗ สถิตอยู่เรือนไหน ก็มักจะได้พลัดพรากเรือนนั้น อยู่ไม่เป็นปรกติสุขอยู่แล้ว  ภพที่สำคัญในชีวิตมนุษย์ คือ  ภพที่ ๑ ตัวตนของเราเอง องค์ประกอบที่เป็นตัวเรา ข้าวของเครื่องใช้ 

ภพที่ ๔ พันธุ มีความหมายถึงบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย รากฐานของชีวิต ยานพาหนะ ความอุดมในการดำเนินชีวิต แผนงาน เป้าหมาย อุดมการณ์ 

ภพที่ ๗ คือ คนที่อยู่ร่วมกับเราในลักษณะต่าง ๆ ที่ใกล้ชิด มีอิทธิพลต่อความทุกข์ ความสุขของตัวเรา

ภพที่ ๑๐ มีอิทธิพลที่ชักนำให้เราไปในทางนั้น ปรกติ คือ การดำรงชีพ ซึ่งหมายถึงอาชีพ หน้าที่การงาน สิ่งที่เราผูกพัน ชอบ 

ส่วนดาวเสาร์จะหมายถึงโทษทุกข์ พิรี้พิไร ย้ำคิดย้ำทำ ตึงเครียด เบื่อหน่าย มีความวิตกกังวลมาก ฉะนั้นเมื่อดาวเสาร์มาอยู่ในภพทั้ง ๔ ที่กล่าวมา ก็มีผลถึงความทุกข์ ความพลัดพรากจากภพนั้น ๆ  

แต่ดาว ๗ ในภพของคู่ครอง หมายความว่าจะมีโทษทุกข์เกี่ยวกับเรื่องคู่ครอง หมายถึง คนใกล้ตัวในสถานะภาพต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความทุกข์และความสุขของเรา  จัดเป็นภพที่สำคัญเหมือนอยู่หน้าบ้าน เล็งตัวเราโดยเฉพาะ ออกนอกบ้านก็เจอ จะเข้าบ้านก็เจอ จึงจัดว่า ดาว ๗ ภพที่ ๗ เป็นพินทุบาทว์ ทำให้ชีวิตขาดความสุข มักพลัดพราก  และในตำราจักรทีปนีจะมองว่าเป็นพินทุบาทว์คือมีดวงช้ำกับเรื่องคู่ 

ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เข้ามาเล็งลัคน์ในภพปัตนิ มีความหมายในเรื่องของลักษณะของคู่ครองด้วย หรือมีความหมายถึงทัศนคติ เพราะว่าดาวใดที่มาเล็งลัคน์ ดังที่กล่าวมาข้างต้นเปรียบเสมือนบ้านฝั่งตรงข้ามบ้านเรา เปิดประตูก็เห็นกันทุกวัน อะไรที่เราเห็นอยู่ทุกวัน จะมีอิทธิพลกับสายตาเรา เราจะเอนเอียงไปทางดาวดวงนั้น อาจจะชอบคนแบบนั้น หรืออาจจะมีวิถีชีวิตแบบนั้น เพราะฉะนั้นในทางฮวงจุ้ยจึงบอกว่า เวลาเปิดประตูมา อย่าเจอห้องน้ำ เหมือนกับใจเราจะจดจ่อกับห้องน้ำ อาจทำให้เราระบบลำไส้ไม่ดี ท้องเสียบ่อย หรือไม่สบาย 

เคล็ดในการเลือกคู่ครองราศีจะบอกลักษณะนิสัย เช่น คนราศีมีน ราศีตรงกันข้าม คือราศีกันย์ แสดงว่าชาวราศีมีนชอบผู้หญิงที่มีลักษณะเรียบร้อย อ้อนแอ้น สวยงาม หรือราศีเมษ ราศีที่อยู่ตรงกันข้ามคือ ราศีตุลย์ จะชอบคู่ครองที่สวยมาก ใช้ทรัพย์เป็น มีโภคทรัพย์ และเป็นคนที่ทัศนคติที่ตรงไปตรงมา คนราศีธนู ชอบคนที่มีลักษณะแบบราศีเมถุน  มีความสามารถพิเศษ มีอะไรที่ไม่เหมือนใคร มนุษย์สัมพันธ์ดี  ชอบคนที่มีความรับผิดชอบ ส่วนดวงดาวที่สถิตอยู่จะบอกลักษณะ ( หลายคนคงรอว่าเมื่อไหร่อาจารย์จะพูดถึงราศีตัวเอง วันหลังจะแจงรายละเอียดให้ รอไปก่อน ) 

ดาวเสาร์เป็นลักษณะของการวิตกกังวล เป็นทุกข์ ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ยอมเสียเปรียบใครง่าย ๆ และเป็นดาวคนแก่ เมื่อดาวเสาร์เล็งลัคนา ส่วนใหญ่จะไม่มีการแต่งงานในวัยหนุ่มสาว ต้องมีวัยวุฒิคุณวุฒิพอสมควร ทั้งจู้จี้ พะวักพะวง เป็นคนเลือกมาก 

ทั้งนี้เคล็ดของอาจารย์โบราณ ทายว่าหากในภพปัตนิของใครไม่มีดาวเคราะห์สถิตอยู่ จะเป็นคนที่เลือกคู่ครองยาก ตรงกันข้ามหากมีดวงดาวสถิตอยู่ แสดงว่าถึงเวลาฉันก็แต่ง  ถ้าเป็นบาปเคราะห์ก็อุปสรรคเยอะ หรือบางคนมีดาวมฤตยู ดาวเกตุสถิตอยู่ อาจแต่งงานเมื่อมีอายุมาก ดังนั้นพินทุบาทว์ดวงแตกไม่ได้หมายความว่าไม่ได้แต่งงาน แต่แต่งแล้วอาจเกิดความเดือดร้อน ไม่ได้ดังใจ หรือมีความทุกข์เกี่ยวกับเรื่องคู่ ถ้าแต่งเร็วจะต้องเลิกกัน และเคล็ดลับตรงนี้โหราจารย์โบราณมักใช้กับเรื่องการงาน หรือภพกัมมะด้วย หากภพกัมมะไม่มีดาว ท่านบอกว่าไม่ได้มีงานเป็นหลักแหล่ง หางานค่อนข้างยาก อาจเปลี่ยนงานบ่อย ต้องทำกิจการตัวเอง สร้างด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นภพที่มีดาวสถิตอยู่แสดงว่ามีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ เกิดขึ้นกับเรา แต่ภพที่ไม่มีดาวสถิตอยู่ เราจะต้องลำบากกว่าจะได้เรื่องนั้นมา อย่างเช่นภพปุตตะไม่มีดาว อาจเป็นคนมีลูกยาก อาจต้องอาศัยดวงของภรรยาหรือสามี ถ้าในภพปุตตะของทั้งสองคนไม่มีดาว แสดงว่ามีลูกยากแน่นอน 

ใครก็ตามที่แต่งงานแล้ว มีดาวเสาร์จรมาทับดาวเสาร์ในดวงชาตาเดิม หรือจรไปทับดาวอื่น ๆ ในเรือนปัตนิ จะมีเรื่องยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องคู่ครอง อาจเกิดความระแวง หรือคู่ครองมีความวิตกกังวล มีเรื่องเดือดร้อนในครัวเรือน 

สำหรับดาว ๓ ที่อยู่ในราศีที่แปด หรือ ภพมรณะ ของลัคนา จัดเป็นพินทุบาทว์ เช่นกัน ดาว ๓ เป็นดาวบาปเคราะห์เล็ก แต่มีผลรวดเร็วรุนแรง เจ็บปวด เหมือนโดนแมลงป่องต่อย พิษน้อยอาจถึงตายได้  ดาว ๓ เกี่ยวพันกับด้านอารมณ์ที่โผงผางรุนแรง ขี้หงุดหงิดเจ้าอารมณ์ โมโหง่าย มีเรื่องง่าย เป็นดาวขุนพล ทางหนึ่งหมายถึงหมอศัลยกรรม ผ่าตัด เพชฌฆาต และเป็นดาวอุบัติเหตุ เมื่อไปอยู่ภพที่แปด อานุภาพก็รุนแรง ถึงแก่มรณภาพโดยง่าย อันนี้ไม่ได้หมายถึงเราจะตายง่าย อย่าไปทายทักเช่นนั้นเป็นอันขาด 

ดาว ๓ มีเกณฑ์ คือมีพรรคพวก เพราะส่งผลไปถึงภพที่ ๔ และแปดของตัวเอง หมายถึงถ้า เรามีดาว ๓ สถิตอยู่ที่ภพมรณะ จะส่งผลรุนแรงไปถึง ภพลาภะ   กดุมภะ และสหัชชะ ของเราด้วย  คือจะเดือดร้อนใจ หรือ ประสบความวิบัติอย่างง่ายดาย ในเรื่องการเงิน และ สังคม หรือ การแตกหักในหมู่ญาติและคนใกล้ชิด เห็นไหมคะว่า พินทุบาทว์ ลามไปขนาดไหน 

ศึกษาถึงตรงนี้ก็อย่าประมาท เพราะเราใช้อ่านดาวจรด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนมีโอกาสพบกับดาว ๓ ในตำแหน่งพินทุบาทว์เหมือนกันหมด ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องระวังอย่างยิ่ง

อันสุดท้าย  จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่ราหู  ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันเหลือเกินว่าอยู่ตำแหน่งใด ไขข้อตรงนี้ เลยว่า ถ้าดาว ๘ อยู่ที่ราศีธนู ดาว ๒ อยู่ที่ราศีกุมภ์ นั่นแหละ จันทร์เป็น สิบเอ็ดแก่ราหู    หรือถ้า ดาว ๘ อยู่ที่ราศีพิจิก ดาว ๒ ก็ต้องอยู่ที่ราศีมังกร

เทคนิคการพยากรณ์ คือ  เมื่อดาว ๒ โคจรพบดาว ๘ ตามนิยายดาว คือ จะได้ลาภผล กู้หนี้ยืมสินเป็นผลสำเร็จ ทั้ง หน้าที่การงานก็ได้ดังใจหวัง ทั้งความรักก็ชื่นมื่น มีความสุข เมื่อดาว ๒ โคจรผ่านไป  ทุกอย่างก็หายตามดาว ๒ กลายเป็นดาว ๘ ขับ ๒ คือ ไล่ตามทวงหนี้ ความหมายของดาว ๘ ขับ ๒ คือ มีแต่เรื่องเดือดร้อน หน้าที่การงานมีปัญหา มักรักคนที่มีเจ้าของ มักโดนบัตรสนเท่ห์ ถูกเข้าใจผิดขาดพลังในการทำให้คนเชื่อถือ เพราะดาว ๒ และ ๘ เป็นดาวพระเคราะห์คู่สมพล เมื่อโคจรแบบไม่ถึงกันจึงมีปัญหาที่ไม่สมพล ขาดพลังนั่นเอง 

ดาว ๘ โคจรย้อนกับดาวดวงอื่น ดังนั้น ภพที่ สิบเอ็ดของราหู จึงย้อนกับราศีจักร 

ความหมายอีกด้านของราหูขับจันทร์ คือ ราหูไล่อมจันทร์นั่นเอง มันก็เดือดร้อนใช่ไหมคะ ความหมายคือ ชีวิตมีแต่เร่งรีบ และหลบซ่อน ...เฮ้อ  เหนื่อย 

พอเข้าใจเคล็ดพยากรณ์ ดาวพินทุบาทว์แล้วนะคะ