ฮวงจุ้ยพื้นฐาน

 

ธาตุกับฮวงจุ้ย
17 มี.ค. 2561

 

จะทำความรู้จักฮวงจุ้ย ต้องรู้ความหมายของฮวงจุ้ยก่อน ซึ่งเป็นฮวงจุ้ยแบบฉบับของอาจารย์แอน เรื่องของฮวงจุ้ยจะต้องรู้เรื่องทิศและธาตุ อย่างเวลาไปตรวจทำเลที่บ้าน เขาบอกว่าเขาเป็นคนธาตุดิน แต่พอผูกดวงจีน เขาเป็นคนธาตุน้ำ สอบถามได้ความว่า เขาเกิดวันจันทร์ ในโหราศาสตร์ จันทร์กับพฤหัสเป็นคู่ธาตุดิน เขาจึงเข้าใจว่าเขาธาตุดิน ขอแยกความเข้าใจก่อนว่าธาตุมีหลายแบบ

 

1.    เรื่องธาตุตามลัคนา ตามโหราศาสตร์

            ราศี  สิงห์ ธนู เมษ   เป็นธาตุไฟ

            ราศี  พฤษภ กันย์  มังกร  เป็นธาตุดิน

            ราศี   เมถุน  ตุลย์  กุมภ์   เป็นธาตุลม

            ราศี   กรกฎ พิจิก มีน      เป็นธาตุน้ำ

รวมมี ๔ ธาตุ ตามโหราศาสตร์ไทย ไฟ ดิน ลม น้ำ เรียกว่าจตุธาตุววัฏฐาน คือ เป็นธาตุพื้นฐานของการรวมขึ้นเป็นมนุษย์เรา ๔ ธาตุ จึงใช้ คำว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ

 

2.    ธาตุแบบที่สอง ใช้ระบบทักษา คือการโคจรดาว เพื่อดูกำลังของดวงดาว ในลักษณะนี้จะใช้จันทรคติ คำว่าคู่ธาตุจะเริ่มต้น อาทิตย์เป็นธาตุไฟแน่นอน การวางแบบทักษาจะวางไม่เหมือนแบบโหราศาสตร์ที่เรียงตามจักรราศี อันนี้เรียงตามการโคจร อย่างเรียงอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสไปเรื่อยๆ พุธ เสาร์ พฤหัส เรียงตามเรียกว่ากำลังของดาว และก็เขียนว่า ไฟ ดิน ลม น้ำ และเมื่ออาทิตย์เป็นไฟแล้ว นับไปแล้วลงคู่ธาตุกันก็คือเสาร์ ส่วนลมอังคารกับราหู ดินก็จันทร์กับพฤหัส น้ำก็พุธกับศุกร์ วัดใช้ธาตุทักษา

 

และ 3. ธาตุของฮวงจุ้ยมี 5 ธาตุ ประมวลจากสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ 

 

โหราศาสตร์เอาธาตุในร่างกายเรา ธาตุในฮวงจุ้ย เอาธาตุสภาพแวดล้อมภายนอกเข้าสู่ภายใน คือ เอาธาตุเหล็กเข้ามา ธาตุลมคือธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไม้ เมื่อใช้หลักส่งเสริมกันก็คือ เมื่อมีน้ำก็มีไม้ เมื่อมีไม้ก็เอาไปทำให้ก่อกำเนิดไฟ เมื่อมีไฟ ขี้เถ้าเกิดคือดิน จากดินเผาผลาญจนกลายเป็นแร่ธาตุ รอบๆ โลกนี้แปลออกมาเป็น 5 ธาตุ ฉะนั้นนี่คือความแตกต่างกับธาตุทางโหราศาสตร์กับทักษา

 

ดวงจีน

 

หลักการคำนวณว่าเราเป็นธาตุอะไรนั้น ต้องดูจาก ปี เดือน วัน ยาม ประกอบกัน

 

วันคือบอกธาตุตัวเรา เรื่องฮวงจุ้ย เมื่อเรารู้ว่าตัวเราคือธาตุอะไร หมายถึงเกิดวันอะไร เช่นเกิดวันน้ำ เราเป็นคนธาตุน้ำ

 

คำนวณ ปี เดือน วัน ยาม ว่าเรามีธาตุอะไร ถ้าตัวเราเป็นน้ำ แต่คำนวณแล้วในตัวเราไม่มีธาตุน้ำเลย ถ้าอยู่ใกล้น้ำ ประกอบอาชีพเกี่ยวกับน้ำจะรุ่ง ธาตุน้ำ คือการบริการ ศิลปะ ดารา นักร้อง ธาตุน้ำจะใช้ศีรษะอิงทิศเหนือ ควรจะอยู่ใกล้น้ำ เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น สุขภาพแข็งแรง ประกอบอาชีพธาตุน้ำแล้วจะรวย อย่างนี้ ธาตุน้ำหมายถึงกระแสทุกอย่าง และการบริการทุกอย่าง ไม่อยู่นิ่ง ธนาคารก็เป็นธาตุน้ำ

 

รายการวิทยุเป็นคลื่น คลื่นคือธาตุลม ก็คือไม้ ธาตุไม้ของจีนคือ ซวิ่น แปลว่า ลม ฉะนั้นลมกับไม้จึงเป็นตัวเดียวกัน ถ้าคลื่นหมายถึงลมจะแปลว่าเป็นธาตุไม้ ธาตุไม้หมายถึงความอ่อนไหว หมายถึงหลักการวิชาการ ในขณะที่ธาตุน้ำ คือ น้ำจริง ๆ น้ำสวย น้ำดี น้ำเด่น อะไรที่เป็นคำว่ากระแส ตัวอย่างเช่น มีอาชีพเป็น ดารา นี้ต้องมีคำว่ากระแสของความนิยมจึงเป็นทิศเหนือธาตุน้ำ 

 

ธาตุที่มีมากเกินไปในดวงชะตา จะส่งผลถึงคำพยากรณ์เกี่ยวกับอุปนิสัย เช่น คนที่มีธาตุดินแข็งแกร่งเกินไป หมายถึงมีมากเกินธาตุอื่น ไปทำการเกษตรต้นไม้ตายหมด ธาตุใดที่มีมากที่สุดในตัวเรา ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนธาตุนั้น

 

ดินมากไปแสดงถึงความเป็นคนดื้อ ทองแตก หมายถึงว่าเอาแต่ใจตัว ไม่สนใจใคร ธาตุน้ำมากในตัว คือการไม่เชื่อถือใคร แต่ลงมือทำเองทั้งหมดกจะเหนื่อย ทำนองเหงื่ตกเป็นน้ำ ไม้เยอะ หวาดระแวงหงุดหงิด ธาตุไฟมาก ป่วยบ่อย อยู่นิ่งไม่เป็นที่

 

วิธีการแก้ไข คือเราต้องปรับบ้านเพื่อลดธาตุเหล่านี้ ไม่ให้เกิดอันตรายจากธาตุที่เยอะมากไปในตัวของคนๆ นั้น หากธาตุในตัวมีดินมากพอควร แต่ไปอยู่บ้านบนเนิน จะเจ็บป่วยบ่อย ถ้าจะแก้ไข ก็ต้องจัดให้อยู่ใกล้น้ำ หรือศีรษะหันไปทางทิศเหนือ หรือนั่งทำงานหันหลังให้แก่ทิศเหนือ เพราะทิศเหนือธาตุน้ำ จะเป็นลาภของธาตุดินได้  เป็นต้น  หรืออีกตัวอย่าง หาก ไฟมาก ใจร้อน หลักการมาก บ้านต้องอยู่บนเนิน เพราะไฟควบคุมดิน

 

ทิศกับธาตุ ส่วนใหญ่จะใช้กับบ้าน  เอาเรื่องทิศก่อน เมื่อเราทราบตามปีเกิดว่า  มีทิศอะไรเป็นทิศประจำตัว ทิศนั้นจะเป็นทิศเป็นสุขของเรา และ บ้าน สมมติ บ้านอิงทิศเหนือ ทิศเหนือก็จัดเป็นเป็นทิศประจำบ้าน ก็หมายถึงทิศนั้นเป็นทิศแห่งความร่มเย็นเป็นสุข และ บ้านนั้นต้องไม่ขาดธาตุนั้นด้วย

 

ทิศเหนือเป็นธาตุน้ำ ถ้าบ้านเราอิงทิศเหนือ น้ำอย่าขาด ระบบน้ำต้องทำให้ดี น้ำต้องดี ถ้าระบบเสีย การเงินเสีย การบริการเสีย อะไรที่มีความหมายเกี่ยวกับธาตุน้ำเสียหมด รวมทั้งระบบเลือดด้วย นี่คือทิศเหนือ

 

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ คือน้ำกับไม้ผสมกัน หรือธาตุดิน บ้านอิงตะวันออกเฉียงเหนือ ดินต้องไม่ทรุด ต้องไม่ชื้นแฉะมีราขึ้น

 

บ้านหลังอิงทิศตะวันออก บ้านต้องมีต้นไม้ ต้นไม้ต้องไม่ตาย

 

บ้านหลังอิงตะวันออกเฉียงใต้บ้านต้องมีไม้ดอก

 

บ้านหลังอิงทิศใต้ ไฟต้องไม่เสีย เพราะเป็นธาตุไฟ

 

บ้านหลังอิงทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดินต้องไม่ทรุดเหมือนตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นครัวๆ ต้องไม่เสีย ถ้าครัวทรุด ฝนสาด รั่ว คือบ้านเสีย

 

บ้านหลังอิงตะวันตกคือ ธาตุทอง คำว่าทองหมายถึงโลหะในบ้านต้องมี คือกรอบหน้าต่าง กระจกไม่แตก

 

บ้านหลังอิงตะวันตกเฉียงเหนือก็ มีความหมายถงกระจก และ แก้ว

 

บ้านหลังอิงทิศใด ทิศนั้นธาตุอะไรต้องไม่ให้เสียเลย เพราะสิ่งแรกเลยคือเสียความร่มเย็นเป็นสุข เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้าม เช่นบ้านหลังอิงทิศเหนือ น้ำไม่มีเลยสักหยด กลายเป็นขาดธาตุน้ำ แถมน้ำไม่ขึ้นข้างบนเลย ใช้แต่ข้างล่าง ปั๊มก็เสีย ทั้งความร่มเย็นเป็นสุข และการเงินการงานติดขัดไปหมด ถ้าเป็นที่ทำงาน เดี๋ยวเครื่องคอมฯเสีย เดี๋ยวไฟดับ สามัคคีไม่มี แตกกันหมด และก็ไม่มีใครอยากเข้าที่ทำงาน ความร่มเย็นเป็นสุขก็ไม่มี อย่างนี้ เป็นต้น 

 

คำว่าทางเข้า ต้อง โอ่โถง เปิดเผย โอ่อ่า มีหมิงถัง ที่โล่งว่างด้านหน้าเหมือนจมูกหายใจ ต้องทำให้เด่นในจุดแรกของสายตาที่มองเห็น เพราะอะไรที่มองเห็นสิ่งแรกสิ่งนั้นคือพลัง 

 

ฟ้าประทาน ดินบันดาล ประสานบุคคล ประสานบุคคลคือหลักศาสนา ที่บอกว่า อายตนะรับมาที่ใจ ลงธรรมารมณ์ และมีผลต่อพฤติกรรมและการกระทำ และทางสายตารู้สึกอย่างไร เปรียบเทียบ บ้านหลังหนึ่งทุกอย่างใช้สีดำหมด เราก็ดำด้วย อีกบ้านหนึ่งเข้าไปทุกอย่างสดชื่นหมด เราอยากเข้าบ้านไหน เราจะเลือกบ้านที่สดชื่น แปลว่า สายตามีอิทธิพล อย่างเช่นบ้านหลังหนึ่งสวยไปหมดด้วยดอกกุหลาบ แต่บังเอิญมีต้นตระบองเพชร 1 ต้นตั้งอยู่ในบริเวณนั้น จะให้ความรู้สึกขัด และสิ่งนั้นจะมีพลัง ตัวบ้านต้องมีทุกธาตุครบ และเพิ่มธาตุที่ขาดนั้นตรงหัวเตียง หรือสิ่งของที่เราใช้

 

การปรับแต่งแก้ไขทำเลมีอยู่ 9 อย่าง มีน้ำ มีไฟ มีวัตถุหนักๆ มีต้นไม้ มีรูปภาพ มีตู้ปลา มีกระดิ่ง มีกระจก และมีเครื่องเสียง ทั้ง 9 อย่างนี้สามารถแทนกัน ได้หมด ให้มีคำว่ามีชีวิต

 

มีร้านค้าหนึ่งขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านนี้แห้งแล้งต้องเอาสีแดงเข้าไปช่วยให้ดูมีชีวิตชีว่า ปรากฏว่าเอากุหลาบแดงไปวางท่ามกลางวัสดุก่อสร้าง ก็ไม่เข้ากัน วิธีแก้ก็คือเอาวัสดุก่อสร้างที่มีอยู่ในร้านที่ดูสีสันสดใส มีเหลืองมีแดงเอาไปวางตรงนั้น

 

คำว่าศาสตร์และศิลป์ต้องไปด้วยกัน การจัดทำเล ถ้าไม่มีศิลปะความกลมกลืน เช่นการต่อเติมบ้าน ทำแล้วทำไมยังไม่เห็นดี เพราะไม่เนียนไม่กลมกลืน อุปสรรคและข้อขัดข้องก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ การต่อเติมบ้านจึงต้องกลมกลืนและถูกทิศ ไม่ให้เกิดความรู้สึกแบ่งแยก ซึ่งนำความแบ่งแยกแตกแยกในครอบครัว การต่อเติมทิศหนึ่งยังมีความหมายว่า อีกทิศจะหายไปทันที จึงต้องรอบคอบและระมัดระวัง