เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา

 

"รัตนสูตร" บทสวดมนต์แปลของวัดท่าซุง
10 เม.ย. 2559

 

ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา

สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง

นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ

อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

 

ทรัพย์อันทำให้ยินดีและปลื้มใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในโลกนี้หรือโลกอื่น

หรือว่ารัตนะอันประณีตในสวรรค์

ทรัพย์หรือรัตนะนั้นๆ ที่จะวิเศษเสมอด้วยพระตถาคตเจ้านั้นไม่มีเลย

คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

 

ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง

ยะทัชฌะคา สัก์ยะมุนี สะมาหิโต

นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ

อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

 

พระศรีศากยมุนีเจ้า ผู้มีพระทัยดำรงตั้งมั่น ได้บรรลุถึงความสิ้นไป

แห่งกิเลสและความสิ้นไปแห่งราคะ อันเป็นอมตธรรมอันประณีตแล้ว

สิ่งวิเศษใดๆจะเสมอด้วยพระธรรมนั้น ย่อมไม่มี

คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

 

ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง

สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ

สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ

อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

 

พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญสมาธิว่า เป็นธรรมอันสะอาด

และบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่าสมาธิเป็นคุณธรรมอันให้ผลโดยลำดับสม่ำเสมอ

คุณธรรมอื่นๆที่จะเสมอด้วยสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้วนั้น ย่อมไม่มี

คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

 

เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา

จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ

เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา

เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

 

พระอริยบุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ ที่สัตบุรุษสรรเสริญแล้วนั้น

เป็นสาวกของพระสุคตเจ้า เป็นผู้ควรรับทานที่หมู่ชนนำมาถวาย

ทานทั้งหลายที่ถวายในพระอริยบุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ เหล่านั้นย่อมมีผลมาก

คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

 

เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ

นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ

เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ

ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

 

พระอริยบุคคลทั้งหลายในพระศาสนาของพระสมณโคดมเจ้า

เป็นผู้ประกอบความเพียรดีแล้ว มีใจมั่นคง มีความใคร่ออกไปแล้ว

พระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้ถึงอรหัตผลที่ควรถึง ได้หยั่งจิตเข้าสู่นิพพาน

แล้วได้ความดับกิเลสโดยง่ายแบบกินเปล่า แล้วจึงเสวยผลที่ได้นั้นอยู่ตลอดกาล

คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ

 

ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง

วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง

เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา

นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

 

กรรมเก่าของพระอริยบุคคลทั้งหลายสิ้นแล้ว กรรมอันแต่งให้เกิดใหม่ย่อมไม่มี

มีจิตอันหน่ายในภพต่อไปแล้ว

พระอริยบุคคลเหล่านั้น สิ้นพืชคือตัณหาคือเหตุให้เกิดแล้ว ไม่มีความพอใจในภพงอกขึ้นมาอีกแล้ว

เป็นผู้มีปัญญา ย่อมดับกิเลสไม่มีเชื้อเหลือ เหมือนแสงสว่างอันดับไปแล้วฉะนั้น

คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์

ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ