เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา

 

พระปฐมเจดีย์ ตอนที่ 1
18 พ.ค. 2558

 

 

ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยบ้าน, รับดูฮวงจุ้ย, แก้ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, อาจารย์แอน

 

 

        มีเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับองค์พระปฐมเจดีย์  ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ ซึ่งนั่นก็คือ นครปฐม

 

        ในเขตนครปฐมทั้งหมด คือศูนย์กลางของอาณาจักรทวาราวดี ซึ่งเป็นอาณาจักรเก่าแก่มานานกว่า 2,000 ปี  ปรากฏเรื่องราวของอาณาจักรนี้ในพุทธประวัติ ที่ท่านหมอชีวกะโกมมารภัจจ์เคยมาเยือน และได้กราบทูลเล่าเรื่องราวดินแดนแถบนี้ แล้วยังทูลเชิญให้เสด็จด้วย  แสดงว่าอาณาจักรทวาราวดี มีชนเชื้อชาติที่อยู่กันมานานแล้ว และต่อมาก็มีความเจริญทางด้านพระพุทธศาสนาด้วย 

 

        ณ ที่นี้มีองค์พระปฐมเจดีย์  ซึ่งจัดว่าเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ  ฐานกว้างเหมือนเจดีย์ชะเวดากอง  เพียงแต่ว่าเจดีย์ชเวดากองอยู่บนเนิน  ส่วนพระปฐมเจดีย์แม้ที่ราบแต่ก็ดูสูงมาก

 

        ตามตำนานบางแห่งกล่าวกันว่า พระพุทธเจ้าเคยมาบรรทม ณ ที่นี้เลยเรียกว่าพระประทม ไม่ใช่พระปฐม(ครั้งแรก)  อันนี้สันนิฐาน  ให้คิดเป็นสองนัยว่า พระปฐมคือเจดีย์แรก  อาจจะมีความหมายว่าพระพุทธศาสนาเผยแผ่มาในช่วงนั้นพอดี และเป็นเจดีย์ที่เป็นอุเทสิกเจดีย์องค์แรกในภูมิภาคแถบนี้  นอกจากนี้ยังเป็นเจดีย์องค์เดียวและองค์แรกที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือในประเทศ ก็ว่าได้

 

        มีอีกตำนานที่กล่าวถึงพญาพาน เป็นโอรสแห่งพญากง กษัตริย์แห่งศรีวิชัย  คำว่าศรีวิชัยคืออาณาจักรศรีวิชัย ก็เก่าแก่ไม่แพ้อาณาจักรทวาราวดี ซึ่งสันนิฐานว่าเป็นพันปีเหมือนกัน  ตอนประสูติก็ยื่นพานทองไปรองรับ  ขอบพานไปกระแทกหน้าผากคือตรงหน้าผากเป็นแผล

 

        ขอแทรกสักนิด  คือพูดถึงโหงวเฮ้ง  มีความหมายว่า ฟ้าให้ตำหนิ คือจะต้องทำอะไรผิดต่อฟ้า แน่นอนคนที่มีตำหนิตรงหน้าผาก  ความหมายของโหงวเฮ้ง คือต้องทำอะไรที่ผิดอย่างรุนแรง เรียกว่าผิดต่อฟ้า  แต่โหรทำนายว่าพระกุมารเป็นผู้มีบุญญาธิการได้เป็นกษัตริย์ และยังบอกอีกว่าจะทำปิตุฆาต และทำมาทุกชาติด้วย  ดังนั้นเครื่องหมายที่ทำผิดต่อฟ้า ก็บอกไว้ตั้งแต่ตอนเกิดในลักษณะที่หน้าผากมีตำหนิดังนี้

 

        พญากง เมื่อได้ฟังคำโหรทำนายก็ให้นำพระกุมารไปฆ่า  ไม่ได้ไปฆ่าเอง ฝ่ายมหาดเล็กสงสารเด็กน่ารักน่าเอ็นดูก็ฆ่าไม่ลง เอาไปทิ้งที่ป่าไผ่  มีคุณยายคนหนึ่งชื่อยายพรหม น่าจะอายุเยอะแล้ว  แต่จริงๆแล้วไม่ได้ชื่อพรหม แต่ว่าเอาไปเลี้ยง ดูแลประดุจบุตร มีคุณสมบัติแบบพรหม ก็เลยตั้งชื่อว่ายายพรหม  พอเลี้ยงดูไปได้สักพักหนึ่ง หากินไม่พอก็เลยเอาไปให้ยายหอมเลี้ยง  ยายหอมเลี้ยงดูฟูมฟักพระกุมารจนโตเป็นหนุ่ม  ก็ถวายตัวกับเจ้าเมืองราชบุรี ตั้งชื่อว่าพญาพาน

 

        ต่อมา เจ้าเมืองราชบุรีซึ่งเป็นเมืองขึ้นของศรีวิชัยคิดแข็งเมือง  พญากงก็นำกองทัพไปปราบ  เจ้าเมืองราชบุรีให้พญาพานเป็นแม่ทัพกองหน้า  ก็กระทำยุทธหัตถีโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน  พญาพานชนะพญากง ประหารพญากงขาดคอช้าง     ต่อมามีคนบอกพญาพานว่าคนที่ตนฆ่า แท้จริงเป็นพ่อ ก็เลยพาลโกรธยายหอม ว่า ทำไมไม่บอกความจริง   เลยพาลฆ่ายายหอมอีกคนหนึ่ง     ความจริงแล้ว ฆ่ายายหอมน่าจะบาปมากกว่า เพราะว่าฆ่าพ่อเพราะว่าไม่รู้ว่าเป็นพ่อ  แต่ว่ายายหอมเป็นคนที่เลี้ยงดูมา  เขาบอกว่าบุพการีผู้ให้กำเนิด และเป็นผู้มีพระคุณด้วย

 

        ต่อมา พญาพานสำนึกบาปที่ฆ่าผู้พ่อและผู้มีพระคุณ เป็นการทำปิตุฆาต  จากการศึกษาประวัติว่า อาณาจักรทวาราวดีเป็นอาณาจักรที่เจริญในพระพุทธศาสนา ดังนั้น จะต้องพบผู้รู้ซึ่งอาจจะเป็นพระเถระองค์ใดองค์หนึ่ง ที่บอกว่าการกระทำปิตุฆาตเป็นบาปมหันต์  ให้สร้างเจดีย์สูงเท่านกเขาเหินเป็นการไถ่บาปให้เบาบางลง

 

        การสร้างอุเทสิกเจดีย์ เป็นการทำบุญที่เป็นเวทนียกรรมฝ่ายกุศล  แต่บาปของการฆ่าผู้มีพระคุณต้องไปใช้ก่อน ไม่ใช่ว่าเบาบางลงหรือว่าบุญสูง  สมมติว่าพญาพานสร้างเจดีย์และทำความดีไปเรื่อยๆ ทำความดีมาติดๆกันและก็สร้างสูงขึ้นจนในที่สุดบรรลุธรรมก็ไม่ต้องรับผลของกรรมที่ตามมา  หมายความว่า  ทางที่จะหนีกรรมคือต้องบรรลุนิพพาน คือการเดินออกจากวัฏฏะสงสารไปเลย  จะได้ไม่ต้องใช้กรรม แต่ว่าการสร้างกุศลตรงนี้เหมือนเป็นทุนที่จะทำให้ได้บรรลุธรรม

 

        เพราะฉะนั้น พญาพานก็เลยสร้างพระปฐมเจดีย์  ณ  สถานที่ที่ฆ่าพญากง  และอีกองค์คือ พระประโทน ไถ่บาปที่ฆ่ายายหอม อันนี้เป็นตำนาน  องค์พระปฐมเจดีย์เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วย และองค์พระประโทนเป็นที่เก็บเรือนศิลาและเล่ากันว่าเก็บทนานทองที่ตวงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ปรากฏว่าถูกขโมยไปก็เลยแต่เรือนศิลา  นี่ก็เป็นตำนาน

 

        ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระปฐมเจดีย์ ได้ยินความศักดิ์สิทธิ์ว่าเกิดปาฏิหาริย์หลายครั้ง  เพราะว่ามีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่  คือประวัติที่เก่าแก่ เป็นประวัติที่ตั้งใจสร้างยาวนาน มีผู้สักการบูชา และต่อมาบ้านเมืองไม่ร่มเย็น เทวดาก็ปกปิด  ซึ่งถ้าเคยศึกษาตามตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลก  มีข้อความว่า ถ้าที่ใดมีคนปรามาสพระพุทธศาสนา  เทวดาผู้รักษาก็จะทำบันดาลให้เป็นป่ารก 

 

        ที่พระปฐมเจดีย์นี้ กลายเป็นป่าอยู่นานตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นเวลาหลายร้อยปี  จนกระทั่งสมัยรัตนโกสินทร์   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวธุดงค์ไปพบ ก็ทรงกราบทูลให้พระนั่งเกล้าบูรณะปฏิสังขรณ์  ตอนนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ายังออกผนวชอยู่  รัชกาลที่  3  ครองราชย์  ทรงได้บูรณะปฎิสังขรณ์ให้เป็นที่สักการะบูชา ถือเป็นกุศลอย่างยิ่ง  ดังนั้น ในรัชกาลที่ 3 สังเกตได้ว่า ปลอดศึกสงครามมาโดยตลอด  พระองค์จึงมีเวลาที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์และทำการค้ารุ่งเรือง ดังนั้น พระปฐมเจดีย์ที่เคยรกร้าง อยู่ในป่า ก็ได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์จนมาถึงปัจจุบันนี้  

 

        เรื่องที่น่ารู้อีกเรื่อง เป็นเรื่องของวัดสวนดอก เป็นเรื่องเล่าของคนเก่าแก่ที่เชียงใหม่ว่า  มีพระบรมสารีริกธาตุที่วัดสวนดอก และมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ที่ดอยสุเทพ จะมีแสงวิ่งมาหากันเหมือนว่าท่านเสด็จเข้าหากัน  บ้างก็เล่าว่า ที่วัดสวนดอกเป็นพระธาตุของพระอรหันต์เจ้า ส่วนที่ดอยสุเทพเป็นพระบรมสารีริกธาตุ  พระธาตุก็เลยเสด็จขึ้นไปสักการะ อันนี้คือตำนาน

 

        ถ้าเกิดว่ามีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ เขาต้องมีคนเคยเห็น  ตอนที่ครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้น ก็เห็นแสงปรากฏอยู่บนดอยสุเทพ  แสดงว่ามีพระบรมสารีริกธาตุประทับอยู่  ก็มีการสร้างอุเทสิกเจดีย์และก็นำพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานและก็สร้างทางขึ้นไป เพราะว่าเห็นแสง  คือ หลายแห่งที่มีตำนานในลักษณะเห็นแสงที่สว่างมาเหมือนแก้วใสสะอาด  แสงสว่างของพระธาตุ คือพระบรมสารีริกธาตุจะมีรัศมีอย่างพระพุทธองค์ คือ เป็นฉัพพันรังสี ดังนั้น พระบรมสารีริกธาตุก็จะมีรังสีที่พิเศษ

 

        การปรากฏรังสีนั้น ผู้ที่มีบุญที่จะได้เห็นนั้น คือผู้ที่สามารถจะบำรุงศาสนาสถานในพระพุทธศาสนา  อย่างเช่นครูบาศรีวิชัยได้เห็นและก็ได้บำรุงพระพุทธศาสนา ช่วยกันสร้างทางให้ได้มีการสักการบูชา  ฉะนั้นการเห็นแสงบ่อยๆแสดงให้รู้ว่า ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ อย่าได้ลบลู่ อันนี้เป็นข้อที่หนึ่ง  เพราะถ้าลบหลู่เดี๋ยวรกอีก  เมืองก็จะร้างไปเพราะว่าเทวดาไม่ปรารถนาให้ใครมาลบหลู่

 

        ผู้มีบุญที่จะมีโอกาสได้เห็น คือ  พระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งผู้ซึ่งเป็นธรรมิกราช ได้มีโอกาสมาเห็น ก็จะทำการบูรณะปฏิสังขรณ์  การที่รัชกาลที่ 4 ได้เห็นปาฏิหาริย์ตรงนี้ ก็จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในเวลาต่อมา

 

        ตามตำนานได้ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ถึง  3  รัชกาลเพราะว่าเป็นกษัตริย์ผู้เป็นธรรมิกราชและบุญญาธิการสูงอย่างยิ่ง

 

        แม้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่  5  ก็ได้เคยเสด็จมาพบปาฏิหาริย์ด้วย  มีเรื่องเล่าว่า บางครั้งก็มีฝรั่งได้เห็นบ้าง  เพื่อให้ยำเกรงไม่ลบหลู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อันนี้ ในบ้านเมืองไทยเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอารักษ์  ในการสร้างเมืองทุกครั้งก็จะมีศาลหลักเมือง  มีพระสยามเทวาธิราชเทวดาอารักษ์  เพราะฉะนั้นถือว่าบ้านเมืองของเรา มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และช่วยกันรักษาพุทธศาสนาในแผ่นดินนี้  ดังนั้น พระธาตุดอยสุเทพ  วัดพระแก้ว  และที่พระปฐมเจดีย์จะมีปาฏิหาริย์ให้เห็นอยู่เสมอเพื่อป้องกันการลบหลู่ด้วย ประการทั้งปวง