เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา

 

ประวัติพระพุทธรูปปางห้ามญาติ
22 พ.ค. 2558

 

 

ประวัติศาสตร์, โหราศาสตร์, อาจารย์แอน, ajarnann, ปางห้ามญาติ

 

 

        ในสมัยพุทธกาล เป็นเรื่องราวของวิทูรทภะ  ซึ่งเป็นราชโอรสของพระเจ้าปเสนธิโกศลกับพระนางวาสภขัติยา  วาสภขัติยาเป็นธิดาของเจ้ามหานามะแห่งกบิลพัสดิ์ กับนางทาสี  ด้วยพระเจ้าปเสนธิโกศลปรารถนาจะเป็นญาติกับพระพุทธเจ้าจึงไปขอธิดาที่เป็น พระญาติแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ 

 

        ปกติ กษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดิ์มีธรรมเนียม คือญาติกับญาติแต่งงานกันเอง ไม่ต้องการให้ไปปะปนหรือทำลายสายเลือดบริสุทธิ์    ดังนั้นก็อึกอักไม่อยากยกใครให้ แต่ก็กลัวอำนาจของพระเจ้าปเสนทิโกศล  จึงตัดสินใจส่งวาสภขัติยามาแทน ในที่สุดก็มีราชโอรสคือวิทูรทัพภะ  ซึ่ีงถือว่าเป็นจันฑาลจึงไม่มีการติดต่อ 

 

        จนกระทั่งพระกุมารมีความสงสัยและอยากไปดูบ้านเมืองของตาบ้าง วาสภขัติยารีบส่งข่าวเจ้ามหานามะ    เมื่อพระกุมารไปถึงกรุงกบิลพัสดุ์  กษัตริย์ทั้งหลายให้เจ้าผู้มีอายุน้อยทั้งหมดออกไปล่าสัตว์นอกเมือง  ก็เหลือแต่เจ้าผู้ใหญ่ที่วิทูรทัพภะไหว้ตั้งแต่หน้าประตูจนถึงหลังวัง  วิทูรทัพภะก็มีความสงสัยว่าทำไมไม่มีเด็กๆเลย  แต่หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ  ปรากฏว่าลืมของไว้ ก็ให้ทหารเอกกลับไปเอา  ปรากฏว่าเห็นเหล่าทาสีกำลังล้างคราบจัณฑาลด้วยน้ำนม ตั้งแต่บันไดที่เสด็จขึ้น พลางบ่นว่า เจ้าลูกจัณฑาลนี่ทำให้เราต้องเดือดร้อน

 

        ความทราบถึงพระกุมาร  หลังจากครองเมืองแล้ว ก็ยกทัพไปเพื่อล้างวงศ์ด้วยความโกรธ   พระพุทธองค์เสด็จมาห้ามถึง  3  ครั้งจึงเรียกว่าปางห้ามญาติคือการห้ามการทะเลาะกัน  แต่ครั้งนั้นด้วยกรรมของศักยวงศ์ถึงที่อวสาน  วิทูรทัพภะฆ่าล้างหมด  มีส่วนที่หนีเข้าป่าไปตั้งราชวงศ์ใหม่ชื่อว่าโมริยะ  ซึ่งสืบวงศ์ต่อมาถึงพระเจ้าอโศกมหาราช  ในสามร้อยปีให้หลัง

 

        ส่วนพระเจ้าวิทูรทัพภะทำศึกเหนื่อยอ่อนและก็มานอนริมน้ำจนน้ำท่วมตายหมดเลยเป็นกรรม  เพราะฉะนั้นปางห้ามญาติบอกว่าอย่าทะเลาะกันจงรวมตัวกัน  ซึ่งเป็นพระประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 6 ด้วย  ห้ามญาติหมายถึงว่าห้ามบุคคลทั้งหลายทะเลาะกันไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะแตกแยก  การไปบูชาตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์ คือเราต้องตั้งใจว่าเราจะไม่แตกแยก คือ  ทำให้ทุกอย่างเกิดมาแต่เรื่องดีๆทั้งหมด  เราจะมีสัจจะวาจาที่จะทำอะไรให้ประสบผลสำเร็จมันก็จะมีผล   



 

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง